มีศิลา ก้อนใหญ่ ในทุ่งราบ มีน้ำไหล เอิบอาบ ชุ่มพื้นล่าง บนศิลา จารึกไว้ ไม่เลือนจาง เหมือนเตือนคน เดินทาง บทจร "ใครผู้คิด จะเดิน ไปทางขวา จงรู้ว่า ไม่มีอะไร จงถ่ายถอน จงกลับเถิด อย่าไปเลย สูญเปล่าวอน ส่วนผุ้จร จะไปตรงหน้า จงอย่าไป ด้วยว่างเปล่า บ่มีที่ จะพบพาน ส่วนผู้หาญ จะจรซ้าย นั้นจะไม่ - มีความรู้ บ่รู้จัก บ่เข้าใจ จะหลงใหล ล้มเหลว ชีพเปล่าพลี" ไม่มีม้า ไม่มีดาบ สามคนอ่าน ตรองสาส์น เดินต่อไป ดีไหมนี่? คนหนึ่ง มุทะลุว่า ไปขวาดี เดินรี่ ไปคนเดียว เทียวบุกทาง เดินเดินเดิน ไม่พบ อะไรสักสิ่ง บ่ประวิง เดินไป ไม่พบสักอย่าง ไม่มีกำแพง ไม่มีแม้ แต่บ้านร้าง เขากลับบ้าน มาอ้างว้าง ดื่มเดียวดาย ไร้ถนน เส้นทาง ที่ตรงหน้า ไร้สถานที่ ข้างหน้า ให้ผันผาย แต่ผู้หนึ่ง เชื่อมั่น ทระนงกาย จึงมุ่งหมาย กระชับเสื้อ เชิดหน้าตรง ตรงไป ตรงไป และตรงไป บ่ถึงไหน เดินเท่าไร ก็ยังหลง ไม่มีทาง ทอดไปไหน ได้แต่งง สุดท้ายกลับ คืนคง มาบ้านตัว คนที่สาม นินทากัน ว่าโง่เขลา งมโข่ง ปัญญาเบา เขลาน่าหัว เขามุ่งทาง ซ้ายไป ไม่หวั่นกลัว เดินเดินเดิน เท่าที่ตัว มีทางจร เขาไม่เข้าใจ อะไรสักอย่าง แต่ไม่ละวาง เดินเดิน ไม่หยุดหย่อน เขาไม่รู้ ไม่เข้าใจ เดินไปไม่คลายคลอน เขามีสุข สถาพร ไม่พังภินท์ เขาไม่รู้ ไม่เข้าใจ แต่ไม่หยุดจร ชีวิตเขา สุขสถาพร....ไม่พังภินท์
© ทองแถม นาถจำนง. การแปล, 2015